5 วิธีฝันอย่างไร!! ไม่ให้ลงเอยเป็นฝันกลางวัน


Cats
0

ผู้อ่านทุกๆท่าน เคยมั้ย ? ฝันอยาก...จะขึ้นเงินเดือน ฝันอยาก..จะเป็นเจ้าของธุรกิจ ฝันอยาก..จะมีบ้านหลังโตๆ ฝันอยากจะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ แต่สุดท้ายก็ลงเอยเป็นได้แค่ฝันกลางวัน !!


วันนี้ทีมงาน SkillLane จะมาแบ่งปันวิธีฝัน ฝันอย่างไร ไม่ให้ลงเอยเป็นฝันกลางวันแบบที่ผ่านๆมาซึ่งเทคนิคเหล่านี้รวบรวมจากหนังสือหลายๆเล่ม ที่ทีมงานได้เคยอ่านผ่านมา และนำไปลองใช้กับตัวเองและคิดว่ามีประโยชน์มากๆจึงอยากจะนำมาแบ่งปันกับผู้อ่านในวันนี้ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย

 

 

1.Start with Why


การที่จู่ๆเราบอกตัวเองให้ขยันๆหน่อยสิ่  ผลที่เรามักจะเจอก็คือเราก็ยังขี้เกียจเหมือนเดิม ซึ่งไม่ใช่วิธีการที่ดีที่จะทำให้ฝันของเราเป็นจริงแน่  วิธีการการบอกจิตใจให้อยากจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้น เราควรเริ่มจากเข้าใจผลลัพธ์ของความสำเร็จที่รอเราอยู่ก่อน  ยกตัวอย่าง เช่น การที่โอมบอกตัวเองว่าหากเราใช้โปรแกรม Excel ได้อย่างคล่องแคล่ว จะช่วยให้ในอนาคตโอมทำงานได้เร็วขึ้นหลายเท่า เมื่อโอมเข้าใจในเป้าหมายของสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่แล้ว โอมจึงจะตั้งใจเรียนคอร์ส Excel อย่างโปร ใน SkillLane.com  เป็นต้น

 

 

2.มีภาพชัดเจน

 

จากข้อที่แล้วผู้อ่านหลายๆคนอาจจะแย้งว่าเขาเองก็เข้าใจ ในเป้าหมาย หรือ ความฝันอยู่แล้ว ว่าหากทำสำเร็จจะมีข้อดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ทำไมถึงยังทำฝันให้สำเร็จไม่ได้เสียที !!
 


คำถามก็คือเราอยากจะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จจริงๆหรือเปล่า ?

 

ทีมงานอยากจะให้ผู้อ่านลองถามตัวเองชัดๆดูอีกซักรอบ หากแน่ใจแล้ว เทคนิคถัดมาก็คือเราจะต้องมีภาพความสำเร็จนั้นชัดเจนอยู่ในใจเราเสมอ ยิ่งเห็นภาพนั้นชัดมากเท่าไรยิ่งดี วิธีการฝึกฝนให้เรามีภาพในใจอย่างชัดเจน เช่น การจินตนาการ(Visualization) ซึ่งได้ถูกกล่าวถึงกันอย่างแพร่หลายในหนังสือขายดีของต่างประเทศ

 

 อ่านมาถึงตรงนี้อยากให้ผูอ่านลองหลับตา แล้วจินตนาการนึกภาพสิ่งเหล่านั้นว่าหากสิ่งที่มันเกิดขึ้นจริงแล้วเป็นอย่างไร เราจะรู้สึกแบบไหน แล้วลองเอาตัวเองใส่ลงไปในภาพนั้น พยายามมีส่วนร่วมกับภาพนั้นให้ได้มากที่สุด

 

 

3.เขียนออกมา


การเขียนเป็นการสื่อสารแบบหนึ่งที่ช่วยให้เราได้เรียบเรียง และกลั่นกรองความคิดในหัวเราก่อนที่จะถ่ายทอดออกมา
บางสิ่งที่เราคิดว่าเรารู้จักมันดีแล้วอย่างเช่นความฝันของเราเอง แต่พอได้ลงมือเขียนมันออกมา เราถึงได้รู้ว่าจริงๆแล้วเราไม่รู้ นอกจากนี้การเขียนยังเป็นการทำให้สิ่งที่ฟุ้งซ่านอยู่ในจินตนาการ ได้กลายเป็น ความจริง ออกมาครั้งแรก

 

เคยมีงานวิจัยหลายชิ้นที่บ่งชี้ว่านักศึกษาที่เขียนเป้าหมายออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรสมัยที่กำลังศึกษาอยู่สามารถประกอบอาชีพในฝันของเขาได้สูงกว่ากลุ่มนักศึกษาที่ไม่ได้เขียนไว้มากกว่าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 

 

ในเมื่อเรายังไม่มีหรือไม่ชัดเจนในความฝันของเราแล้วเราจะทำให้สำเร็จได้อย่างไร ?

 

 

4.ฝันถึงแม้ไม่ใช่ตอนนอน

 

ต่อเนื่องจากข้อที่แล้วก็คือไม่ใช่การที่เรามีฝันแล้ว เราจะเก็บมันไว้ในหิ้งว่างๆค่อยแวะไปดูไม่ได้ กลับกันเราต้องหมั่นทบทวนและตอกย้ำสิ่งนั้นให้ขึ้นใจ ทุกๆสิ่งที่เรากำลังทำอยู่จะต้องมีความเกี่ยวข้องกับภาพความฝันของเรา

 

ยกตัวอย่างเช่น หากเราต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจร้านกาแฟ เราก็ควรลองพาตัวเองไปในร้านกาแฟที่ต่างๆ สังเกตข้อดี ข้อด้อยของแต่ละร้าน คิดว่าหากเราเป็นเจ้าของร้านเราจะทำอย่างไรให้มันดีขึ้น

 

นอกจากนั้นผู้อ่านอาจจะลองเขียนเป้าหมายเหล่านั้นลงในกระดาษแล้วพกความฝันติดตัว เพื่อย้ำเตือนตัวเองอย่างสม่ำเสมอนึกถึงความฝันนั้น

 

 

5.กล้าที่จะฝัน

 

สุดท้ายก็คือเราจะต้องเชื่อในสิ่งที่เราฝันว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริงๆ หากแม้แต่ตัวเรายังเชื่อว่า มันเป็นไปไม่ได้ มันก็จะเป็นไปไม่ได้จริงๆ เพราะความคิดของเรามีพลังมากกว่าที่เราคิดไว้

 

ในขณะเดียวกันฝันที่ดีก็ต้องไม่ใหญ่จนเกินตัว กล่าวคือ คุณสมบัติของความฝันที่ดีจะเป็นเหมือนเชื้อเพลิงให้คุณมีพลังอยากจะลุกขึ้นมาทำสิ่งต่างๆ ดังนั้นความฝันไม่ควรจะเล็กจนไม่ท้าทาย แต่ก็ไม่ใหญ่เกินจนเป็นไปไม่ได้

 

 

 

 

ใกล้ปีใหม่แล้วทีมงาน SkillLane ขอเป็นกำลังใจให้ผู้อ่านทุกๆท่าน สามารถทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงได้อย่างที่ตั้งใจไว้ อย่างไรก็ตามหากท่านผู้อ่านท่านใด ยังไม่แน่ใจว่าเราอยากทำอะไรกันแน่ และตั้งใจที่จะตั้งเป้าหมายให้กับตัวเองให้ได้ทาง skillane อยากจะเชิญชวนมาลองเรียน คอร์สออนไลน์  5 ขั้นตอน ทำฝันให้เป็นจริง  ที่อาจจะช่วยทำให้คุณเป็นคนชัดเจนขึ้น และแน่นอน มันจะทำให้คุณหาฝันของตัวเองให้เจอ และทำมันให้สำเร็จ
 

0